วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2555



รูปที่ 7.3 โปรแกรมภาษาซีแสดงผลคูณของตัวเลขข้อมูลเข้าสองจำนวน

          ในการเขียนโปรแกรมขนาดใหญ่และซับซ้อนด้วยภาษาโปรแกรมเชิงกระบวนความ ควรแบ่งแยกโปรแกรมออกเป็นส่วนย่อย ๆ ออกเป็นหลาย ๆ ส่วน เรียกว่า โปรแกรมย่อย เนื่องจากจะทำให้การเขียนสะดวกขึ้น การตรวจสอบ    การแก้ไขข้อผิดพลาดของโปรแกรมทำได้ง่ายขึ้น ในแต่ละภาษาจะเรียกชื่อโปรแกรมย่อยด้วยชื่อที่แตกต่างกัน เช่น ภาษาซี เรียกโปรแกรมย่อยว่า ฟังก์ชั่น (Function) ดังแสดงในรูปที่ 7.4 ซึ่งเป็นโปรแกรมภาษาซี ทำงานเช่นเดียวกับตัวอย่างในรูป 7.3 แต่ใช้ฟังก์ชั่นในการคำนวณค่าผลคูณ
รูปที่ 7.4 โปรแกรมภาษาซีแสดงผลคูณของตัวเลขข้อมูลเข้าสองจำนวน โดยใช้ฟังก์ชั่น
.....................................................................................................................................................................................................
เกร็ดน่ารู้ Fixed-form source code
ภาษาคอมพิวเตอร์บางภาษาซึ่งเป็นที่นิยมใช้ในอดีต จะต้องเขียนให้อยู่ในรูปแบบที่แน่นอนตามข้อกำหนด   เช่น คำสั่งในภาษาฟอร์แทรนจะต้องถูกเขียนอยู่ในคอลัมน์ที่ 7 ถึง 56 เท่านั้น มิเช่นนั้นตัวแปลภาษาจะแจ้งว่า โปรแกรมภาษาผิดพลาด ภาษาเหล่านี้ถือเป็น Fixed-form source code เหตุที่ต้องกำหนดตายตัวเช่นนี้เนื่องจาก    ในยุคที่มีการเริ่มใช้ภาษาฟอร์แทรนนั้น อุปกรณ์นำข้อมูลเข้าที่ใช้กันคือบัตรเจาะรู มีความกว้างจำกัดอยู่ที่ 80    คอลัมน์เท่านั้น จึงมีการกำหนดคอลัมน์ไว้เพื่อให้สะดวกในการนำโปรแกรมและข้อมูลเข้าสู่คอมพิวเตอร์นั้นเอง

7.2.2 ภาษาเชิงวัตถุ (object oriented language)
 ภาษาเชิงวัตถุจะอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เขียนโปรแกรมในการพัฒนาโปรแกรมที่ใหญ่และซับซ้อนได้         เป็นอย่างดีอีกทั้งยังสามารถใช้เขียนดปรแกรมในลักษณะเดียวกับภาษาเชิงกระบวนความได้เช่นกัน ภาษาใน                กลุ่มนี้ เช่น ภาษาจาวา (Java) ภาษาซีชาร์ป (C#) และภาษาซีพลัสพลัส (C++)รูปที่ 7.5 แสดงตัวอย่างโปรแกรม  ภาษาซีพลัสพลัสที่ให้ผู้เล่นทายตัวเลขที่โปรแกรมสุ่มขึ้นมาหนึ่งตัว
  รูปที่ 7.5 (โปรแกรมภาษาซีพลัสพลัส เพื่อให้ผู้เล่นทายตัวเลขที่โปรแกรมสุ่มขึ้นมาหนึ่งตัว






ภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์

           การแก้ปัญหาด้วยคอมพิวเตอร์นั้น หลังจากที่ได้วิเคราะห์ปัญหาจนได้ขั้นตอนวิธีการในการแก้ปัญหา ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบรหัสลำลอง หรือผังงาน ขั้นตอนต่อไปคือการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ขึ้นเพื่อแก้ปัญหาตามขั้นตอนที่ได้วางแผนไว้ แต่เนื่องจากคอมพิวเตอร์จะรับรู้คำสั่งที่เป็นภาษาเครื่องเท่านั้นและมนุษย์ไม่สามารถเขียนโปรแกรมภาษาเครื่องได้โดยตรง เนื่องจากไม่สะดวก ยากต่อการทำความเข้าใจ จึงได้มีการสร้างภาษาคอมพิวเตอร์ระดับสูงขึ้นมาเพื่อให้เข้าใจง่ายต่อการเขียนโปรแกรม ผู้เขียนโปรแกรมไม่จำเป็นต้องเรียนรู้การทำงาน และโครงสร้างภายในของเครื่องคอมพิวเตอร์ ก็สามารถเขียนโปรแกรมได้โดยผ่านการแปลให้เป็นภาษาเครื่องก่อนที่จะใช้สั่งงานคอมพิวเตอร์ได้
          การเลือกใช้ภาษาใดเพื่อแก้ปัญหานั้น จำเป็นต้องเลือกภาษาให้เหมาะสมกับลักษณะของปัญหา เนื่องจากภาษาคอมพิวเตอร์มีมากมาย ในที่นี้จะได้กล่าวถึงลักษณะสำคัญ ความเหมาะสม และตัวอย่างของภาษาที่นิยมใช้กันทั่วไปซึ่งเป็นภาษาในกลุ่มเชิงกระบวนความ กลุ่มเชิงวัตถุ และกลุ่มอื่น ๆ ดังรายละเอียดต่อไปนี้


7.2.1 ภาษาเชิงกระบวนความ (Procedural languages)
            โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เขียนด้วยภาษาเชิงกระบวนความมีลักษณะการทำงานตามลำดับของคำสั่ง จากคำสั่งแรกจนถึงคำสั่งสุดท้าย และบางคำสั่งอาจจะถูกทำซ้ำ หรือบางคำสั่งอาจไม่ถูกกระทำเลย ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในโปรแกรม ภาษาในกลุ่มนี้เหมาะสำหรับการเริ่มต้นทำความเข้าใจกับการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เนื่องจากช่วยให้ผู้เรียนรู้จักการเขียนอย่างเป็นระบบ อันเป็นพื้นฐานสำคัญในการเขียนโปรแกรมภาษาอื่น นอกจากนี้ในภาษาโปรแกรมประเภทอื่นก็จะยังคงมีรูปแบบการทำงานเชิงกระบวนความแฝงอยู่ภายในด้วยเสมอ การใช้งานในกลุ่มภาษานี้ เช่น งานคำนวณทางวิทยาศาสตร์อาจเลือกใช้ภาษาฟอร์แทน(FORTRAN) งานประมวลผลข้อมูลทางธุรกิจการเงินหรือธนาคารอาจเลืออกใช้ภาษาโคบอล (COBOL) หรือภาษาอาร์พีจี (RPG) การเขียนโปรแกรมควบคุมการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์มักเลือกใชช้ภาษาซี เนื่องจากภาษาเครื่องที่ได้จะทำงานได้รวดเร็ว หรือการเรียนการสอนการโปรแกรมเชิงกระบวนความอาจเลือกใช้ภาษาปาสคาล (Pascal) หรือภาษาซี เป็นต้น รูปแบบที่ 7.2 แสดงตัวอย่างโปรแกรมภาษาโคบอล ซึ่งเป็นการแสดงผลคูณของตัวเลขข้อมูลเข้าสองจำนวน และรูปที่ 7.3 แสดงตัวอย่างโปรแกรมภาษาซีที่ทำหน้าที่เช่นเดียวกัน
รูปที่ 7.2 โปรแกรมภาษาโคบอลแสดงผลคูณเข้าสองจำนวน